รู้จักลาบราดอร์ สุนัขยอดนิยมของชาวอเมริกันกว่า 3 ทศวรรษ

ต้นตอกำเนิดลาบราดอร์ : ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ ( Labrador Retriver) บางทีเรียกสั้น ๆ ว่า Lab หรือแลป มีถิ่นกำเนิดมาจากเกาะนิวฟันด์แลนด์ (Newfoundland) ของประเทศแคนนาดา มีชื่อเดิมว่า เซนต์จอห์น (St. John’s) พวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงกันในภายในครอบครัวชาวประมง เพราะลาบราดอร์สามารถช่วยชาวประมงในการจับปลา ฉลาดมากพอที่จะปลดตะขออกจากปลาและแข็งแกร่งมากพอในการว่ายน้ำได้ระยะทางไกล และยังทำหน้าที่เป็นสัตว์เลี้ยงที่รักโดยจะเดินกลับบ้านกับเจ้าของหลังจากเลิกงานได้ ลาบราดอร์เริ่มได้รับความนิยมเมื่อมีการนำเข้ามาสู่เกาะอังกฤษในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยขุนนางในสมัยนั้นที่เห็นถึงลักษณะพิเศษของพวกมัน เริ่มแรกเพื่อใช้ในการล่าสัตว์ปีก ซึ่งการล่าสัตว์จำเป็นต้องเข้าไปในป่าจึงต้องเลือดสุนัขสายพันธุ์เฉพาะเพื่อช่วยในการค้นหาเหยื่อที่ถูกยิง แต่เนื่องจากในช่วงเวลานั้นลาบราดอร์ยังต้องนำเข้าจากประเทศแคนาดา ด้วยกฎหมายการเก็บภาษีที่แพงมาก ทำให้จำนวนของพวกมันจึงลดน้อยลงจนเกือบจะเลิกเพาะพันธุ์ แต่ยังมีกลุ่มคนที่ยังคงสนใจสายพันธุ์นี้อยู่ จึงได้ริเริ่มพัฒนาสายพันธุ์โดยผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างพันธ์ลาบราดอร์ซึ่งเดิมนั้นมีเพียงสีดำเท่านั้นกับสุนัขในกลุ่มรีทรีฟเวอร์ หลังจากที่มีการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ในภายหลัง ทำให้เกิดสีเหลืองหรือสีครีมตามมาซึ่งได้รับความนิยมมาถึงปัจจุบัน

ความสามารถ : ลาบราดอร์ ในปัจจุบันนับได้ว่าเป็นสุนัขพันธุ์ที่มีความสามารถหลายอย่าง ตำรวจใช้เพื่อตรวจหายาเสพติดและค้นหาระเบิด เลี้ยงไว้เป็น Hunting dog เพื่อใช้ล่าสัตว์ นักวิทยาศาสตร์ฝึกฝนเพื่อเป็น Guide dog นำทางให้กับผู้พิการทางสายตา หรือแม้กระทั่ง Theraphy dog ที่ใช้ในการบำบัดผู้ป่วย ฯลฯ

รูปร่าง : เนื่องจากต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้ เป็นสุนัขที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อใช้ในการล่าสัตว์หรือจับสัตว์ ดังนั้นสุนัขพันธุ์นี้จึงมีรูปร่างใหญ่ สง่างาม มีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง หัวที่กว้าง หูพับลง ดวงตาที่ใหญ่ แววตาควรแสดงออกชัดเจน ใจดี และสีตาควรเป็นสีน้ำตาลหรือน้ำตาลแดง เส้นรอบ ๆ ตาควรมีสีดำ ส่วนบริเวณหูควรอยู่ติดกับส่วนหัวและอยู่ค่อนไปด้านบนของตา และมีโครงสร้างที่สมส่วน ทำให้พวกมันทรงตัวได้ดีในทุก ๆ สถานการณ์ ซึ่งลักษณะรูปร่างของสุนัขแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งอเมริกาและยุโรปซึ่งทั้ง 2 ลักษณะพบในสุนัขที่เกิดในแต่ละประเทศ ใบหน้าของทางฝั่งอังกฤษมีความดุดันน้อยกว่าและเป็นธรรมชาติมากกว่า ส่วนทางฝั่งอเมริกาจะมีรูปร่างสูงและกว้างกว่า ในส่วนของใบหน้าจะมีจมูกที่ยาวกว่าเล็กน้อย หางของพวกมันเป็นอีกหนึ่งลักษณะสำคัญ สมาคมสุนัขของอเมริกา (American kennel club / AKC) ระบุว่าหางของลาบราดอร์มีลักษณะหนาและแข็งแรงคล้ายกับหางของนากซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญช่วยในการทรงตัวขณะที่กำลังว่ายน้ำ มีเท้าที่เป็นพังพืดทำให้มันว่ายน้ำได้ดี บางครั้งถูกเรียกว่าเป็น snowshoe ในสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็น ซึ่งช่วยให้หิมะออกจากบริเวณเท้าได้ดี อีกทั้งยังมีมีขนสองชั้นที่สั้นและหนา ปกติจะผลัดขน 2 ครั้งต่อปี หรือในช่วงที่อุณหภูมิสูงขึ้น สามารถป้องกันน้ำ ทนต่อสภาวะและภูมิอากาศที่แปรปรวนได้เป็นอย่างดี โดยขนชั้นนอกอาจจะหยาบกว่าขนชั้นในสำหรับสีขนนั้นสีที่ American kennel club ให้การยอมรับนั้นมี 3 สี ได้แก่ สีดำ (Black) สีเหลือง (Yellow) และสีน้ำตาลช็อกโกแลต (Chocolate) เท่านั้น โดยสีเหลืองอาจมีได้หลายเฉดสีตั้งแต่เหลืองอ่อน (บางทีเรียกขาวฟางข้าว) ไปจนถึงเหลืองเข้ม และควรจะมีสีเดียวทั่วทั้งตัว สุนัขบางตัวอาจมีตำแหน่งสีตามร่างกายที่เพิ่มขึ้นมาได้ เช่น ปื้นสีขาวบริเวณอกหรือตำแหน่งอื่น ๆ บนพื้นขนสีดำ

ขนาด : เพศผู้มีความสูงเมื่อวัดจากบริเวณหลังที่สูงที่สุดประมาณ 57-62 เซนติเมตร (22-24 นิ้ว) และหนักประมาณ 29-36 กิโลกรัม ส่วนในเพศเมียมีความสูงเมื่อวัดจากบริเวณหลังที่สูงที่สุดประมาณ 55-60 เซนติเมตร (20-22 นิ้ว) และหนักประมาณ 25-32 กิโลกรัม

อายุขัย : โดยเฉลี่ยของลาบราดอร์อยู่ที่ประมาณ 10-14 ปีลักษณะนิสัย : ลาบราดอร์ขึ้นชื่อในเรื่องของความฉลาดหลักแหลม เป็นมิตร และนิสัยดี ขี้ประจบเอาใจทั้งคนและสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ แต่เมื่อโตเต็มวัยพวกมันก็ยังคงมีความขี้เล่น มีความกระตือรือร้น และมีความอดทนสูงต่อการฝึกฝน เรียนรู้เร็ว มีสมาธิกับงาน หรือกิจกรรมที่มันทำอย่างมาก จึงไม่แปลกใจเลยพวกมันมักถูกเลือกให้เป็นสุนัขตำรวจ หรือสุนัขช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา เพราะเป็นสุนัขที่มีสมาธิดีมาก ๆ ชอบที่ได้รับคำชื่นชมจากเจ้าของ นอกจากนี้ ลาบราดอร์ยังถือว่าเป็นสุนัขบำบัดที่ดีเนื่องจากมีความเด่นชัดในด้านพลังบวก พวกมันรักการผจญภัย และชอบน้ำมาก สามารถเล่นน้ำได้ตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังเป็นจอมตะกละ กินได้ตลอดเวลา นิสัยเช่นนี้สามารถควบคุมได้ด้วยการฝึกฝน และมีอีกหนึ่งเรื่องที่ผู้เลี้ยงควรรู้ คือ ในช่วงวัยกำลังเจริญสุนัขจะมีพละกำลังค่อนข้างมากและต้องการเวลาในการอยู่กับเจ้าของค่อนข้างมากเช่นกัน ซึ่งหากทิ้งให้สุนัขอยู่ตัวเดียวเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่การทำลายข้าวของหรือพัฒนาทำเกิดภาวะวิตกกังวลเมื่ออยู่ตัวเดียวตามมาได้

การเข้าสังคม : ลาบราดอร์สามารถเข้ากันได้ดีกับเด็กและผู้ใหญ่ แม้กระทั่งกับสัตว์ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ด้วยความที่มีนิสัยอ่อนโยนทำให้เหมาะกับการเลี้ยงร่วมกับเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี พวกมันมักจะชอบปกป้องคนที่พวกมันรัก เด็ก ๆ สามารถรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนและก็เรียนรู้ที่จะรักพวกมันได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่เป็นนักล่า อาจมีบ้างที่สุนัขแสดงอาการก้าวร้าว หรือมีความเครียด รวมถึงอาจจะมีเล่นแรงไปบางตามขนาดตัวของมัน การฝึกฝนเป็นประจำจะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวลง และเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังเจ้าของได้

การออกกำลังกาย : ลาบราดอร์เป็นสุนัขที่มีพลังงานเยอะ พวกมันต้องการการกระตุ้นทางร่างกายเป็นอย่างมาก การออกกำลังกายจึงมีความจำเป็น แต่การออกกำลังการที่หนักไม่ควรเริ่มตั้งแต่เล็ก หรือในวัยที่ยังไม่โตเต็มที่ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะนำไปสู่ปัญหาข้อต่อได้ พวกมันชื่นชอบการวิ่งเล่น ถ้าหากพวกมันยังไม่หมดแรง อาจแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ทำลายข้างของ รวมทั้งทำร้ายเจ้าของได้ การฝึกฝนจึงเป็นอีกวิธีเพื่อลดพฤติกรรมได้ รวมทั้งการออกกำลังอย่างน้อย 45 นาทีเป็นประจำทุกวัน โดยการเดิน วิ่งรอบ ๆ สวนในบ้าน เล่นลูกบอล หรือกิจกรรมอย่างอื่นที่ให้สุนัขได้เคลื่อนไหว ก็จะช่วยพัฒนาให้ลาบราดอร์มีนิสัยดีและสุขภาพที่ดีด้วย

เรียบเรียงจาก : https://www.baanlaesuan.com/…/breeds/labrador-retriever